วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

ความหวังของบิดามารดร

ความยากลำในการทำนุบำรุงลูกเล็กเด็กแดง หรือลูกของตัวให้เจิรญงอกงาม เป็นไม้ใหญ่ เป็นคนดีของพระศาสนา ของสังคม และของโลก ย่อมเป็นภาระที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ยอมรับที่จะแบกไว้ด้วยความเต็มใจยิ่ง ด้วยสายสัมพันธิ์ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตา และลูกๆ อย่างเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเป็นเช่นไรจนกว่าเวลาที่เราจะไปยืน ณ จุดนั้นเช่นท่านทั้งสองมาถึง ย่อมมิเพียงจะทำให้ท่านทั้งสองยอมทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และหยาดเหงื่อ แต่ในขณะเดียวกันมันยังนำพาความปีติและความสุขใจยามได้เห็นลูกเรายืนอยู่ ณ จุดประสบความสำเร็จตามแต่ทรรศนะที่พ่อแม่มีต่อความสำเร็จนั้นๆ ผิดแผกตามตัวปัจเจกไป


เราในฐานะลูกเล็กเด็กแดงในสายตาพ่อแม่ มิใช่มิอยากไปให้ถึงความสำเร็จนั้น แต่บางครั้งนิยามของความสำเร็จที่ลูกๆ มี และนิยามความสำเร็จที่บิดามารดามีอาจต่างกันก็เป็นได้ เมื่อลูกรู้ว่าความสำเร็จที่ตนต้องการนั้นไม่สามารถเดินถนนสายเดียวกันกับคนส่วนใหญ่ที่มีนิยามความสำเร็จร่วมกันซึ่งก็รวมพ่อแม่ของตนอยู่ด้วย ลูกจึงเลือกเดินถนนสายอื่นซี่งอาจจะดีกว่าหรือไม่เข้าท่าเลยในสายตาของบุพการี ความหวังที่พ่อแม่เฝ้าคอยที่จะเห็นดอกผลแห่งการงานที่ตนเฝ้าป้อนข้าวป้อนน้ำลูกน้อยนั้นทำไมยังมาไม่ถึงซักที ลูกน้อยเมื่อจับคลื่นความคิดเช่นนี้จากพ่อแม่ของตนได้ก็ยิ่งลำบากและครั่นเนื้อครั่นใจที่ตนไม่สามารถทำให้ท่านดีใจได้เสียที


บางขณะที่ครุ่นคิดหนักเข้าจึงนำพาให้ความอวิชาเข้าสิง อ๋อท่านก็ต้องการเพียงเงินตราอยู่สุขสบาย และคำพูดต่างๆ นาๆ ที่จะได้ไปเล่าขานกับใครต่อใครว่าลูกน้อยของกูนั้นมันได้ดีแล้ว มันจะทำให้กูมีความสุขในไม่ช้า ซึ่งแน่นอนว่าลูกน้อยย่อมเข้าใจความหวังสูงตระหง่านนั่นและเห็นเป็นหน้าที่ๆ จะต้องทำให้บุพการีสุขใจสบายกายตราบที่มันไม่ขัดต่อหลักการพื้นฐานใดๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ทำไมบิดามารดรไม่เห็นหรือว่าลูกน้อยกำลังเดินฝ่าคลื่นพายุทะเลทรายเพื่อจะทำให้ท่านสุขใจที่ได้ความอยู่ดีและคำพูดเอาไปอวดเพื่อนบ้าน


การจะไปว่ากล่าวที่ท่านมีนิยามและกระบวนทรรศต่อความสำเร็จที่เป็นสูตรสำเร็จก็ไม่สมควร เพราะชีวิตครั้งยังหนุ่มสาวนั้นก็ลำบากลำบน กัดฟันสู้ชีวิตเสมอมา (ภาพฝ่ามืออรหันต์ที่ท่านทั้งสองส่งมอบให้แก่กัน  ยังคงตราตรึงในมโนภาพลูกน้อยหลายๆ คนไม่เสื่อมคลาย) และตั้งจิตหวังไว้ลึกๆ ว่าลูกน้อยของเราจะต้องได้รับการพูมฟักและไกลห่างความเจ็บปวดที่เราเคยประสบมานี้ ลูกเราต้องประสบความสำเร็จ มีหน้ามีตาและเงินทองตามนิยามที่ท่านได้จำใส่หัวใจที่เจ็บปวดครั้งกระโน้น


แล้วจะให้ลูกน้อยทำอย่างไรเล่า ในเมื่อพ่อแม่ก็ทราบดีว่าการดำเนินชีวิตในโลกนี้มันใช่ว่าจะสะดวกสบายตามใจแฮ หากแต่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม และร่างแหที่คอยดักและทิ่มแทงให้เราเจ็บและล้มได้ทุกระยะการเดินทาง การจะไปให้ถึงที่หมายที่ใฝ่ปองไม่ว่าจะทั้งที่วางอยู่บนนิยามของลูกน้อยเองหรือของบิดามารดรเองนั้นไซร้ก็ใช่จะหาเจอในวันสองวัน มิหนำซ้ำหากอุปนิสัยของลูกน้อยที่พ่อแม่คอยฟูมฟักไปด้วยกันไม่ได้กับกระแสหลากไหลตามสังคม ก็ยิ่งเพิ่มความลำเข็ญ, ระยะทาง, และระยะเวลาที่จะไปให้ถึงจุดปลายเข้าไปอีก


จึงอยากจะให้ท่านพ่อกับท่านแม่ทั้งหลายเห็นใจความเป็นตัวตนของลูกน้อยบ้าง ให้เขาได้ปรับตัวและปรับเส้นทางประสบความสำเร็จตามนิยามที่เขายึดถือเถิอดแม้มันจะใช้เวลามากกว่าคนอื่นๆ ซักวันหนึ่งลูกน้อยย่อมจะพบกับเส้นทางที่ตนเองกำลังขวนขวายและค้นหาเอง


และใคร่จะให้ท่านบิดากับมารดาแน่ใจได้เลยว่า แรงงาน แรงกาย แรงใจ ที่ทุ่มเทใสปุ๋ยรดน้ำให้ลูกน้อยนั้นไม่มีวันเสียเปล่า หรือให้ท่านเหนื่อยฟรี เฉกเช่นประสบการณ์ก่อนกาลที่ท่านเคยประสบมาแน่นอน


สัญญา

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 เมษายน 2553 เวลา 03:22

    ..._^_...

    บางทีคำว่า "ความสำเร็จ" มิได้หมายถึง การมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง หรือมีเงินตรามากมาย และบิดามารดาบางท่านจิงๆ แล้วท่านก้อไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้มากกว่าความสุขของลูกหรอก

    การที่ลูกเติบโตมา เป็นคนดีได้ท่านก้อภูมิใจมากกว่าสิ่งใดแล้ว

    การที่ท่านหวังที่จะให้ลูกของท่านมีการงานที่ดีนั้น เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงของลูกเองในภายภาคหน้าในยามที่ท่านไม่สามารถอยู่กับลูกที่ท่านรักได้ มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าถึงเวลานั้นลูกของท่านจะไม่ลำบากและท่านคงจะหายห่วงได้

    ไม่ว่าลูกจะทำงานอะไร มีหน้ามีตารึเปล่า แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ลูกถนัด สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ทำแล้วลูกมีความสุข พ่อแม่จะไม่สุขกับลูกเลยหรอ.....

    บางทีบรรทัดฐานทางสังคมมันต่างกัน สังคมอาจจะวางบรรทัดฐานความสำเร็จแตกต่างจากที่เราเป็น มันก้อไม่แปลก ในเมื่อเราก้อเป็นตัวเราและเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้เหมือนๆเขาก้อได้ อะไรที่เขาทำเหมือนๆกันบางทีไม่ได้แปลว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือถูกเสมอไป แค่เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครและไม่ได้ขัดอะไรกับหลักศาสนาของเรา แค่มันไม่ได้เหมือนเขาๆเป็นกันแค่นั้น ไม่เห็นต้องให้สังคมมาวางบรรทัดฐานกับตัวเราเลย

    เป็นเพราะบรรทัดฐานทางสังคมนี้กระมั้งที่ทำให้ไม่เป็นสุขถ้าเราไม่ได้เป็นไปตามที่สังคมกำหนดไว้ จิงๆแล้วเราแคร์สายตาคนรอบข้างมากกว่าที่จะสนใจความรู้สึกหรือความต้องการของตัวเอง เราแคร์ว่าถ้าทำงานนั้นๆสังคมอาจไม่ยอมรับ ทั้งๆที่มันเป็นงานที่เราชอบ เราถนัด ทำไปเพื่อจะให้สังคมยอมรับ แต่ตัวเองกลับไม่มีความสุขกับงานที่ทำ แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร คงมีน้อยคนที่ทำงานแบบไม่มีความสุขแล้วประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานได้เป็นใหญ่เป็นโต

    บางทีสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ คนเขาอาจมองว่าไม่เข้าท่า อาจไม่เป็นที่ชื่นชมต่อใครๆ แต่มันอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นสิ่งซึ่งถ้าเราทำด้วยความตั้งใจ และดำเนินไปอย่างจิงจังมันอาจส่งผลสำเร็จอย่างไม่คาดคิดก้อเป็นได้ ใครจะไปรู้.....

    ตอบลบ
  2. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจิงๆ

    พยายามจนได้นะเรา....

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 เมษายน 2553 เวลา 03:39

    oh! u can ment now congratulation nah.

    thx for ur ments.

    ตอบลบ
  4. No Problem!!!!

    I may keep other comments, if u don't mine.

    ตอบลบ
  5. I may keep commend, if u don't mine.

    ตอบลบ