วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

บันทึกเรื่องสิวและคุณความดี

สวทช, ปทุมธานี

สองสามอาทิตย์ที่ล่วงผ่านสิวบุกหนักมาก ไม่เคยพบปะสิวประหารเช่นนี้ในช่วงชีวิตก่อนหน้า บทจะขึ้นหน้าขึ้นตา มันก็พาเหรดขึ้นในคราวเดียว มิได้เกรงอกเกรงใจ หรือเห็นใจข้าพเจ้าที่จะต้องพกหนังหน้าตัวเองไปไหนต่อไหนเลย ได้แต่บอกกับตัวเองว่า "ช่วงเวลานี้คือช่วงที่ต้องอดทนอดกลั้น ทนต่อไปเดี๋ยวมันก็หายไปเอง หลังฝนกระหน่ำฟ้าต้องใสเสมอ" 

หลังจากที่ปู้ยี่ปู้ยำหน้าตัวเองอยู่พักใหญ่ สรรหาตัวยา ข้องแวะกับแพทย์ผิวหนัง ทานั่นโปะนี่ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น จนต้องร้อง เห้อ กับตัวเอง กูเหนื่อยแล้วนะ คุณหนังหน้าจะไม่ยอมกระเตื้องขึ้นให้รู้สึกดีบ้างหรืองัย บัดดลวิสัจชนาบังเกิด เออ เมื่อก่อนนี้เราก็ไม่เคยได้ใส่นั่นทานี่กับหน้าตัวเองก็เห็นมันจะไม่อะไรมากเดี๋ยวมันก็หายไปเอง มิหนำซ้ำจะสมานเป็นสีเดียวกันทั่วหน้าไม่เหลือรอยด่างดำให้เห็น ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจปล่อยให้ร่างการรักษาตัวเอง คอยทำตัวให้สะอาดทั้งนอกและในเท่านั้น นี่ถ้าหากมันหายเองในเวลาอันสั้นและยังดีกว่าพวกยาๆ ทั้งหลายนี่คงเป็นการค้นพบสำหรับตัวเองอันน่าอัศจรรย์ใจทีเดียว

ตลอดช่วงเวลาที่สิวกระหน่ำข้าพเจ้าค้นพบสัจธรรมข้อหนึ่ง อันสิวนั้นเปรียบไปเช่นกิจกรรมชั่ว มันขึ้นได้ง่ายดาย ทิ้งบาดแผลเป็นและรอยด่างดำบนใบหน้า เสียเวลารักษาเยียวยาเป็นเวลานาน การบำรุงรักษาหนังหน้าให้ดูดีนั้นต้องใช้เวลา ทรัพย์สินเงินทอง และแรงกายกว่าจะมีความมั่นใจพกหน้าตัวเองไปไหนต่อไหนได้ กิจกรรมชั่วก็เช่นกัน การลงมือทำง่ายแสนง่ายไม่ต้องใช้ความพยายามหรือหากต้องใช้ความพยายามบ้างก็มิได้ร้สึกลำบากลำบน แต่เมื่อลงมือทำไปแล้วผลของมันตามติดตัวไปยาวนาน หากไม่ทำให้ใครเดือนร้อนก็เป็นใจเราเองที่อยู่สุขไม่ได้ คนละเรื่องกับกิจกรรมดี ต้องเฝ้าฟูมฟักดูแล ตัดใจ แข็งขืนต่ออารมณ์ที่ยั่วยุ กว่าจะทำได้มันยากเย็นแสนเข็นนัก

ชั่งน่าอัศจรรย์

ต่อด้วยคนละเรื่องกัน

เมื่อศุกร์ที่แล้วข้าพเจ้ามีโอกาสละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดแห่งหนึ่งแถวนานา คอตีบอ่านคุตบะฮฺได้ดีมาก คำพูดกลั่นออกมาจากสมองมิใยต้องถือกระดาษอะไรให้รกหูรกตาคนฟังเลย มีประโยคหนึ่งที่ยังคงติดตรึงในโสตประสาทจึงนำมาลงไว้ในบล็อกนี้ ประโยคคงจะประมาณนี้ได้กระมัง "ร่างกายของคนเราอาจจะต่างกันบ้างแต่ก็ไม่ต่างเท่าจิตเรา จิตคนบางคนพุ่งทะยานอ้อยอิ่งอยู่บนชั้นฟ้าสวรรค์ดาวดึง ส่วนจิตอีกคนกลับวนเวียนอยู่แถวห้องน้ำ เห็นหรือไม่ว่าจิตคนเรามันมีความต่างสุดแสนจะบรรยาย" จิตใจดีนั้นคิดดีทำดี พร้อมพรักจัดเตรียมสถานที่ให้เจ้าตัวอยู่บนสวรรค์ ส่วนจิตต่ำนั่นไซร้คิดแต่เรื่องต่ำทราม หาเศษหาเลยตามห้องน้ำสถานที่ๆ เอาไว้ชำระความสกปรก 

จิตคนประสบความสำเร็จก็คงจะเป็นเช่นนี้ มีแต่ความแน่วแน่ มุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ฉันจะไปให้ถึง แค่นี้ก็ไปถึงจุดหมายได้ไม่ยากเย็น เขาพูดกันว่า "เราไม่ได้ฝันมากไปหรอก แต่เราทำน้อยไปต่างหาก" ลงมือทำน้อยนิดแล้วอย่างนี้ฝันจะไปเป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยเหตุผลใด

การงานและวันหยุด  

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

พระองค์จะเคี่ยวเข็ญให้ข้าพระองค์เป็นอย่างไรหรือ?

One Place Pacific Building, Nana

ข้าพเจ้าขอจรดปลายนิ้วทั้งสิบบนแป้นพิมพ์นี้ด้วยความหวังอันเปี่ยมล้นในความเมตตา หยดน้ำพระทัย และความช่วยเหลือแห่งองค์อัลลอฮฺ

เมื่อหมดหนทาง จนด้วยสติปัญญาอันอ่อนด้อย และสำนึกในบริบทขอบเขตที่ตอกย้ำว่าในกรณีนี้ เราไม่มีความสามารถ มิหนำซ้ำผลกระทบที่ออกมาในรูปความเศร้าอันเกาะกุม และการเดินทางซอกแซกเข้าไปในความคิดเพื่อค้นหาความไม่สามารถของตนเอง ซึ่งบทสุดท้ายก็หนีไม่พ้นทำร้ายจิตใจอันอ่อนล้าอยู่เป็นทุนเดิม 

ในความอ่อนแรงและหมดเยื่อใยในเหตุการณ์ สิ่งเดียวที่นึกออกคือต้องการความช่วยเหลือในเชิงปฏิหาร ให้เครื่องจักรความคิดที่กำลังเดินเครื่องทำร้ายความรู้สึก มันอันตธารหายไปเดี๋ยวนี้ หมดจด และหมดสิ้น

จากเหตุการณ์อันหลายหลาก และเหตุเกิดที่นับไม่ถ้วน หยดความคิดผุดขึ้นถาม พระองค์จะเคี่ยวเข็ญ ตรากตรำข้าพระองค์ให้เป็นอย่างไรหรือ พระองค์จะกรำข้าพระองค์ให้ทนทานต่อทุกสถานการณ์หรือไร ปัจจุบันข้าพเจ้าได้กลายเป็นผ้าเช็ดเท้าที่มีรูโบ๋ แต่ไม่แน่ว่ามันเหนียวทนทานหรือกำลังจะเปื่อยยุ่ยกันแน่ 

อยากจะหลับใหลซักอาทิตย์แล้วค่อยตื่นมาพบทุ่งหญ้าเขียวพร้อมแมงปอ

และท้ายนี้ ข้าพระองค์สำนึกในโอกาสที่พระองค์ได้มอบทักษะการเขียน และกลั่นกรองความรู้สึกนึกคิดให้ข้าพระองค์ เพราะเมื่อมาถึงบรรทัดนี้ความหม่นหมองก่อนหน้าได้ยักย้ายจากหัวใจความรู้สึกมาปรากฏในหน้าบล็อกนี้แทน

ร็อบบานาอาตีนาฟีดดุนยาฮาซานะฮฺ วาฟิลอาคีเราะห์ติฮาซานะฮฺ วากีนาอาซาบัรนาร