26/12/2009
iium library
ข้าพเจ้าเดินย่ำอยู่ในโลกใบนี้มา ๓๐ ปีกับอี ๒ เดือนแล้ว, เป็น ๓๐ ปีกับอีก ๒ เดือนที่ไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง, เป็นขวบปีที่ไม่เคยสงบนิ่งและมั่นคง, เป็นห้วงเวลาแห่งการค้นหาที่ทอดยาว, เป็นระยะทางที่ประดับประดาไปด้วยความเปลี่ยวดายและแห้งแล้งที่สุด, เป็นการก้าวเดินบนถนนที่ไร้ความหวัง, และข้าพเจ้าอยากให้มันบรรจบหมดสิ้น ณ ปัจจุบันขณะ
จะเชื่อหรือไม่หากข้าพเจ้าจะเขียนว่า ด้วยวันเวลาและแวดล้อมที่หลอมรวมเป็นข้าพเจ้า ณ ปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยมีจุดหมายใดๆ ให้ชีวิต ข้าพเจ้าเดินเรื่อยๆ อย่างอ่อนล้าแต่ก็ไม่เคยหยุดเดิน ข้าพเจ้าก้าวช้าๆ อย่างไร้จุดหมาย ข้าพเจ้าหาจุดหมายให้ตนเองไม่เจอ ด้วยลักษณะคิดมากถามมาก เฟ้นหาแต่แก่นสาร จุดหมายปลอมๆ ข้าพเจ้าไม่ต้องการ นั่นทำให้จวบจนขณะนี้ ข้าพเจ้าก็ยังหาจุดหมายให้ตนเองไม่ได้ จะเป็น, จะมี, อย่างไร, เพื่อใคร, และเพื่ออะไร เป็นคำถามที่คมชัดยิ่ง แต่คำตอบมันลางเลือนเหลือเกิน
การเจริญงอกงามของผู้คนในหน้าที่การงานเป็นเสมือนกระจกเงาที่ส่องสะท้อนตนเองของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าล่ะ ควรจะเป็นใครและอยู่ตรงไหนของ concept หน้าที่การงานที่ถูกยัดเยียดนี้ ด้วยความตระหนักรู้อยู่เสมอว่านั่นคือ แนวความคิดอันแปลงเป็นแนวปฏิบัติที่ถูกยัดเยียด แต่บางคราก็เผลอไผลวิ่งตามวิ่งไล่ เพราะมันแทรกซึมเข้าลึกสู่หลากหลายแขนงขององค์ชีวิต จึงยากที่จะหลีกหนีอิทธิพลเข้าสิงในบางครั้ง แต่ยามที่กลับมารู้เนื้อรู้ตัว กลับพบว่าตนเองยังคงเคว้งและคลำทางอยู่เหมือนเดิม
บางครั้งก็ครุ่นคิด หรือจะเป็นความคิดเราเองที่ติดกับดัก concept ที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ ด้วยคิดว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องและดีต่อตนเอง แต่มันอาจจะเป็นกับดักตีกรอบความคิดให้วิ่งวนอยู่ในในเส้นรอบวงที่ถูกตีกรอบก็เป็นได้ อันนี้ก็ไม่ทราบได้ เพราะรู้สึกว่าตนเองก็เปิดลู่ความคิดเกือบทุกลู่แล้ว ล็อคตัวใดที่คิดว่ามีอยู่ก็พยายามปลดหมดทุกตัว หรือจะมีเล็ดรอดเหลืออยู่?
ข้าพเจ้าไม่อยากตายไปโดยไร้ความหมาย อยากจะทิ้งของดีๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์และก่อเกิดอนิสงค์แก่ข้าพเจ้าเองยัง ณ ดินแดนแห่งใหม่ งานเขียนรุ่นใหม่ เช่นของ อาอิด อัล ก็อรนีย์ หรือของ นิฐินาถ ณ พัทลุง เป็นงานเขียนชิ้นสำคัยที่ถูกจริตกับคนเช่นข้าพเจ้าดีแท้ อดอิจฉาไม่ได้ว่า งานเขียนของคนเหล่านั้นจะยังบุญกุศลแก่ตัวผู้เขียนมากปานใดที่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือราคาถูกแต่มากด้วยคุณค่าแก่คนทั้งหลาย
ทุกช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง มักจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่คนลักษณะโมหะจริตเสมอ (สมมุติฐานของข้าพเจ้าเอง) เพราะเขาเหล่านั้นจะใช้ความรู้สึกเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต จึงไม่ใช่คนลักษณะที่จะมาวางแผนล่วงหน้า ซึ่งก็โทษใครไม่ได้เลย
ข้าพระองค์หมดหนทางและก็เป็นเช่นเดิมกลับมาซมซานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ๓๐ ปีกับอีก ๒ เดือนของข้าพระองค์ได้หายวับไปกับความมั่วซั่ว ไร้แบบแผน และไร้ประโยชน์อย่างบัดซบ แต่ช่วงอายุที่เหลือขอพระองค์ทรงชี้แนวทางรวมทั้งดลบันดาลให้มันเป็นอีกครึ่งชีวิตที่ให้ประโยชน์แก่ทั้งตนเอง, พระศาสนา, และผู้คนด้วยเถิอด พระองค์
เขียนเสร็จ 27/12/2009
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น