วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

การเดินทางของเวลา และบันทึก

เป็นหนังสื่อที่น่าอ่านทีเดียวสำหรับ "follow your heart, ก้าวไปตามใจฝัน" เป็นหนังสือพิมพ์นานแล้วของสำนักพิมพ์ ซีเอ็ด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ นู้น อ่านแล้วรู้สึกดี มันก็เหมือนงานเขียนของผู้เขียนคนอื่นๆ ที่เขียนด้วยความจริงใจและตั้งมั่นเพื่อประโยชน์สุขของผู้อ่าน ซึ่งคนอ่านเขาก็ย่อมรับรู้ได้ว่าเป็นหนังสือหวังทำเงินหรือเพื่อช่วยเหลือและยกระดับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มันไม่ใช่หนังสือ how to หรอกนะแต่มันเป็นหนังสือที่สนับสนุนการค้นหาตัวเอง


เช่นที่ผู้เขียนๆ ไว้นั่นเองว่า เมื่อเรามุ่งมั่นสู่สิ่งใดทันใดนั้นมันก็เหมือนว่าเราอยู่ถูกที่ถูกเวลา ไม่ว่าผู้คน, สิ่งของ, และแวดล้อม ต่างก็ช่วยเกื้อหนุนให้เราไปถึงจุดหมาย (ส่วนใหญ่อะนะ) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ใช่ของข้าพเจ้า เป็นของญาติผู้พี่เขา ซึ่งก็ประจวบเหมาะที่ข้าพเจ้ากำลังคลำและล้มลุกคลุกคลานกับการค้นหาตนเองด้วยเช่นกัน อ่านแล้วสงบดี


การเดินทางของเวลาที่เรารู้สึกเนิบนาบในชั่วโมงที่เราต้องการเร่งมันให้ทะลุเข็มบอกระยะทางนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย คล้ายๆ สำนวนอาหรับที่ว่า "เฮ้ย เจ้าที่กำลังเร่งรีบอยู่นะ หยุดซักครู่ซิฉันจะบอกอะไร" ก็จะมาบอกอะไรเล่าคนเค้ากำลังรีบ ก็นั่นไงยิ่งเรารีบมันก็ยิ่งมีข้าวของ ผู้คน เข้ามาทำให้เราสะดุดยิ่งช้าเข้าไปอีก แต่ทำไงได้เล่าเราไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว เราอยากให้ไปถึงจุดหมายและฝั่งฝันให้เร็วที่สุดเท่าที่ความนึกคิดของเราจะพาไปได้ เรารู้สึกว่าเราเสียเวลามามากแล้ว และปัจจัยต่างๆ ก็บีบอัดเข้ามาทุกที เราจำเป็นต้องทำให้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว แต่เปล่าเลยยิ่งเร็วมันยิ่งช้า ยิ่งสับสน ยิ่งจับจน จับต้นชนปลายไม่ถูก สุดท้ายในความเร่งรีบก็เป็นความสูญเปล่า ที่รู้สึกว่าเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก


หรือจะดีกว่าที่จะทำเรื่อยๆ เพราะทุกสิ่งมันย่อมมีครรลองของมันเอง ไข่มันจะยังไม่ฟัก จะไปเร่งแม่ไก่ให้กกไข่ทั้งวี่วันได้อย่างไร ทำในสิ่งที่เราควรทำแล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น จะช้าจะเร็วมันถูกกำหนดมาก่อนหน้าแล้ว และเราก็มายืนอยู่ ณ จุดที่ถูกกำหนดแล้วเช่นกัน อยากจะวิ่งเร็วแค่ไหนก็ได้เท่านี้แหละ การกำหนดจิตเช่นนี้เป็นความยากลำบากยิ่ง เพราะใจมันร้อนอยากจะสำเร็จ แต่ต้องมาควบคุมให้มันเย็นและค่อยๆ เดินเพื่อให้ไปถึงจุดหมายอย่างมั่นคงและถูกต้อง เพราะเราเองก็ทราบว่าความมุ่งมั่นที่มั่นคงนั้นนำไปสู่ความสำเร็จที่สงบเย็นและน่าภูมิใจปานใด แต่ก็นั่นแหละใจมันต้องฝืนหลายอย่าง


ทำอะไรที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ แล้วก็ปล่อยให้มันดำเนินไปตามครรลองกำหนดชัด ไม่ต้องไปเร่งรีบทั้งจิตใจและร่างกายให้ตะเกียกตะกายไปถึงจุดมุ่งหวังดั่งใจติดจรวดหรอก ดินประสิวมันจะจุดไฟไม่ติดเสียเปล่าๆ ปล่อยมันเรื่อยๆ แต่ทำให้ดีที่สุด สุดท้ายมันจะไปถึงของมันเอง


บันทึกของเราบางครั้งอ่านแล้วงง เพราะเป็นการบันทึกที่พยายามอุปมาอุปไมยสื่อถึงสิ่งที่ต้องการ แต่ไม่ยอมเผยข้อเท็จจริงโล่งแจ้ง จนบางครั้งเราเองก็รู้สึกว่าข้อความที่เขียนนั้นมันเหมือนจุกขวดน้ำอัดลมที่ถูกเขย่าขวด แต่ไม่ยอมเปิดจุกให้น้ำไหลออกมาซักที อยากจะเขียนให้โล่งโจ่ง แต่ไม่ควร จึงเหมือนเขียนอะไรไม่หมด ติดอยู่ที่จุกหัวใจนั่นปะไร แต่ไม่เป็นไรมันเป็นแนวการเขียนของเรามานมนานแล้ว ที่ข้องใจตัวเองอยู่นิดนึงว่า แล้วหากกลับมาอ่านรอบใหม่ในภายภาคหน้าจะยังคงสัมผัสถึงเนื้อแท้ที่ต้องการสื่อหรือเปล่า หรือจะลืมไหลไปตามกาลเวลา


ก็คอยดูกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น