วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

การงานพื้นฐานอาชีพ

งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข.......อ๋องั้นหรือ?


เหนื่อยป่าวกับการทำงาน ข้าพเจ้าว่าเหนื่อยนะ 
เมื่อกี้นั่งแปลเอกสารอยู่พักใหญ่ (ดูท่าข้าพเจ้าจะไปได้ด้วยกันดีกับการหากินทางภาษา) แปลเสร็จ โอ้ยทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ งานแปลงานล่ามนี่เหนื่อยนะจะบอกให้ มันเพลียสมอง แรงนะเก็บไว้ทำอย่างอื่น ยิ่งแปลภาษาไหนที่ไม่ค่อยถนัด เหนื่อยเป็นหลายเท่าเลย ต้องค้นนั่นค้นนี่ ดีนะสมัยนี้มีเน็ตใช้ก็เลยทุ่นแรงไปได้เยอะ บางครั้งเวลานั่งแปลรู้สึกเหมือนตัวเองเอาช้อนไปขูดสมองตัวเองยังไงยังงั้นเลย ก็พยายามคั้น, ขูด, และบิดสมองตัวเอง (เหมือนบิดผ้านะ) ในสิ่งที่อยากแปลแต่แปลไม่ออกสักที เฮ้อเขียนแล้วให้เหนื่อยอีกรอบ


ก็เลยเดินไปที่หน้าต่างสูดอากาศหน่อย ทั้งๆ ที่มันเจือปนด้วยมลพิษในอัตราที่สูง อยู่เมืองหลวงก็งี้แหละ ไหนเลยจะเหมือนบ้านนอกคอกนา อากาศนี่ใสกิ๊งเลยนะ เออมาว่ากันต่อ เดินไปสูดอากาศที่หน้าต่างแลเห็นชาวต่างจังหวัด (เหมือนตูเลย) มาขายแรงงาน ทำงานก่อสร้าง ขนดิน ขนทราย ผสมปูน ตากแดด สาระพัดสาระพัน ที่เรารู้สึกว่าเขาเหนือยกว่าเรา 


กลับมาที่ความคิดข้าพเจ้าเรื่องงานดีกว่า อันที่จริงข้าพเจ้าไม่ค่อยจะเชื่อหรือศรัทธาสักเท่าไหร่กับเรื่องชีวิตต้องสู้งานนัก เขาชอบพูดกันนักว่ามีงานไหนบ้างที่ทำแล้วไม่เหนื่อย งานนะมันก็เหนื่อยทุกงานเป็นทำมะดา ไม่รู้ซิในความรู้สึกลึกๆ ของข้าพเจ้านั้นเหมือนมันกำลังบอกว่า ต้องมีซิงานไม่หนัก ไม่เหนื่อย และยังทำให้ชีวิตเราอยู่ได้โดยไม่ขัดสน มันต้องมีแน่นอน มันแค่รอเราไปหามันแค่นั้นเอง 


อย่า อย่า อย่า เข้าใจข้าพเจ้าผิด ว่าอ๋อก็มึงนะพวกขี้เกียจสันหลังยาว หนักไม่เอา เบาไม่สู้ อยากได้เงินแต่ขี้เกียจทำงาน แต่เปล่าเลยนะพี่น้อง ข้าพเจ้านี่เคยลองงานมาแล้วหลายชนิด ขนของหลังแทบหัก เป็นเด็กล้างจานเสริฟข้าวเสริฟน้ำ งานบริการ งานยืนให้เขาด่า เอาเป็นว่างานหนักข้าพเจ้าลองมาแล้วช่วงที่เรียนอยู่นะ ก็เลยรู้สึกว่าเอะนี่เราต้องเสียสละตัวเองขนาดนี้เพื่อหารายได้เลยหรือ เราต้องยอมตื่นแต่เช้าโดยไม่สมัครใจเพื่อไปทำงานรับเงินเดือนเลยหรือ เราต้องยอมทนหลายๆ อย่างเพื่อหารายได้เลยหรือ ดังนั้นมันจึงเป็นปณิธารของข้าพเจ้าเลยว่าและจะฝังมันลงในหัวใจด้วยว่า ข้าพเจ้าจะทำงานไม่หนัก ไม่ต้องอดทน ไม่ต้องบังคับตนเอง และไม่เครียด และต้องมีรายได้อยู่อย่างไม่ขัดสนด้วย แล้วงานอะไรล่ะสบายอย่างมึงว่านะ คำตอบคือ........................................ตูก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮา...........แต่ข้าพเจ้าเชื่ออย่างนึงว่า หากใจเราบอกว่ามี สักวันหนึ่งเราก็จะหามันเจอเอง 


แม้ตอนนี้เพื่อนๆ เราจะเดินทิ้งห่างเราไปไกลแล้ว เขาได้งานได้การเสร็จสรรพบริบูรณ์ครบสูตรสำเร็จรูป ออกมาเป็นแพ็คๆ เลย ตื่นเช้า แต่งตัว เดินทาง (หาวไปพลางๆ)  ทำงาน (เบื่อไปด้วย) เดินทางกลับ (เหนื่อย, เพลีย) ถึงบ้านทำอะไรนิดหน่อย กินข้าว แล้วก็นอนเพื่อรอไปทำงานพรุ่งนี้ต่อ อ๋อลืมบอกไปนิดนึง ในหนึ่งอาทิตย์เขารอวันศุกร์ให้มาถึง ในหนึงเดือนเขารอวันสิ้นเดือนมาถึง ในหนึ่งปีเขารอวันหยุดยาวที่เฝ้าเก็บหอมรอมริบไม่ลาไม่ป่วยเพื่อจะได้หยุดยาว 


ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี ถ้าชอบมันก็ดีอยู่แล้ว ที่บอกมาก็เพียงอยากบอกว่าโดยส่วนตัวข้าพเจ้าไม่ชอบมันก็แค่นั้นเอง (แต่โบราณว่าไม่ชอบอะไรจะได้สิ่งนั้นนะ) โอ้ยกลัวตายละ 


การเลือกสูตรสำเร็จมันก็ดีอย่างนะ คือไม่ต้องมาเสี่ยงตายเช่นข้าพเจ้า เสี่ยงทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำเนี่ยมันเหนื่อยนะ แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าหากเราทำมันสำเร็จมันคงเป็นความภาคภูมิใจในระดับมหาศาลทีเดียว คงจะดีใจประมาณเสียวสันหลัง ประมาณว่าเรามาถึงได้ยังงัยเมื่อมองดูผาสูงที่เราปีนป่ายแต่คนอื่นเขาไม่ปีนกัน (กำลังจินตนาการอยู่ 555)


สรุปคือทางใครก็ทางมัน แล้วเราค่อยมาเจอกันที่จุดหมาย พี่น้องว่างัยครับ 



1 ความคิดเห็น:

  1. ..... เห็นด้วย....

    ทางใครก้อทางใคร

    คุณเลือกทางไหน งานคุณดี เงินเดือนดี (เขาว่ากัน)ทำงานตามเสต็บที่เขาวางไว้ ใช้ความพยายามนิดหน่อย แต่ไม่ต้องใช้ความท้าทายไรมาก

    เราเลือกทางนี้ ทางที่อาจไม่ดีนักในสายตาคนทั่วไปเขามองกัน แต่มันมีความท้าทายให้เราได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่

    ...จะทำไรก้อตามแต่ พยายามให้เต็มที่ที่สุดละกัน และ
    สุดท้ายมาเจอกันที่จุดหมาย มาดูกันว่าผลลัพธ์ของใครจะเจ็งกว่ากัน...

    ตอบลบ