วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

ใบยางพาราสีแดง

กับโลกใบเดิมครั้นยังเยาว์ กับต้นยางพาราต้นเดิมครั้งยังมองหาความหมายและความทะเยอทะยานในโลก กับความเปลี่ยวดายอันเดิมที่พยายามสลัดทิ้งและหลีกหนี แต่มันก็เหมือนบ้านเกิดเมืองนอน ไม่ว่าจะทิ้งร้างไปนานแค่ไหนหรือเดินทางไกลเท่าใดสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เดิม กลับไปเปลี่ยวดายเหมือนเดิม

ต้นยางพาราต้นนั้นก็เช่นกัน ข้าพเจ้ายืนมองมันในฤดูที่มันปลิดใบตัวเองทิ้งเพื่อความอยู่รอดครั้งอายุอานามของข้าพเจ้ายังเดียงสาน้อยเหลือเกินแต่เจ็บปวดกับโลกมากเหลือเกิน ครานั้นข้าพเจ้าเกลียดใบยางพาราสีแดงในฤดูร้อนใบไม้ร่วง เพราะไม่เพียงมันจะปลิดขั่วตัวเองทิ้งแต่มันยังยื้อแย้งเอากำลังใจจากหัวใจข้าพเจ้าไปด้วย ข้าพเจ้าตั้งคำถามมากมาย ชีวิตมีแต่ทำไมและทำไม ความมีสุขอยู่ดีของข้าพเจ้ามันอยู่ที่ไหน ตัวตนของข้าพเจ้ามันหลบซ่อนอยู่ตรงไหน ความปกติสุขของข้าพเจ้ามันหายไป ทำไมชีวิตของข้าพเจ้ามันถึงหุ้มห่อ ข้าพเจ้าสร้างปราการเพื่อป้องกันตนเองจากความเจ็บปวด จนมารู้ตัวอีกทีข้าพเจ้าก็ห้อมล้อมไปด้วยปราการเปลี่ยวดายอันสูงตระหง่าน มันปลอดภัยในความแปลกแยกและหลีกหนี, อุดอู้, กดดัน, เหงาหงอย, และอัดแน่น แต่ข้าพเจ้าก็พอใจที่จะวางตนเองอยู่ในปราการอันนั้น เพราะมันย่อมดีกว่าที่จะนำพาตนเองออกไปเจอความโหดร้ายภายนอกที่ไม่เคยปราณีข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ารู้ดีมันจะทำร้ายข้าพเจ้าได้ร้ายกาจปานใด

ข้าพเจ้าพร่ำบอกตัวเองว่าซักวันหนึ่ง วันที่เป็นของข้าพเจ้าจะมาถึง วันที่ข้าพเจ้าจะปลอดภัย, อิสระ, และปลอดโปร่งอย่างแท้จริงจะมาถึงในไม่ช้า วันแห่งการตอบแทนต่อความอดทนอันอัดแน่นและเขม็งเกลียวจะต้องมาเยือนอย่างแน่นอน ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ด้วยการให้กำลังใจตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ความสุขเลื่อนลอยอันพอจะอนุมานได้เองว่าคืนนี้และพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะได้เจอความหวัง ไม่ว่าจะเป็นละครเปาบุ้นจิ้นยามค่ำคืนหรือห้องสมุดประชาชนในวันพรุ่งนี้

แต่มาวันนี้ ใบไม้ต้นยางพาราต้นเดิมในฤดูปลิดใบฤดูเดิม แต่หัวใจของข้าพเจ้ายังคงหุ้มห่อเหมือนเดิม มันเหมือนกันเดินทางหมื่นลี้เพื่อการค้นหา แต่สุดท้ายปลายทางคือการกลับมาที่เดิมงั้นหรือ ตามเรี่ยรายทางที่ข้าพเจ้าพอจะเรียกมันว่าความสุขนั้นพระองค์ยังคงส่งความปวดร้าวให้ข้าพระองค์ไม่พอหรือ มันเป็นการหล่อหลอมมนุษย์คนหนึ่งที่ใช้เวลานานนะพระองค์ นานจนข้าพระองค์ได้แต่บื้อใบ้เพราะก็จนหนทางอย่างสุดแสน

ข้าพเจ้ารอ ความหวังทางโทรศัพท์, อีเมลล์, จดหมาย, และข่าวคราวต่างๆ แต่ความหวังนั้นเหมือนต้องการท่อน้ำเลี้ยงที่ยาวเหลือเกิน การให้กำลังใจตนเองในยามที่ขาดความหวัง การคงสภาพหัวใจให้แช่มชื่นอยู่เสมอในยามที่มองไม่เห็นอนาคตมันยากจริงๆ แต่ก็ปรากฏว่ามันเป็นความยากลำบากที่ต้องฝืนและดันทุรังประคับประคองหัวใจต่อไป ไม่เช่นนั้นแล้วก็จงอย่าทะเยอทะยานและมีชีวิตอยู่ เพราะความเป็นจริงที่รู้เห็น โลกเราไม่เคยปราณีและหยิบยื่นชัยชนะให้คนที่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางคลื่นลมที่รอโอกาสพัดพาเอากำลังใจให้เหือดแห้งจากหัวใจนามธรรมอยู่ตลอดเวลา





3 ความคิดเห็น:

  1. เม้นหัวข้อ...การเดินทางของเวลา และบันทึก ...


    หัวข้อนี้ดีมาก

    ชอบ....ชอบ

    เขียนแนวแบบนี้แหละดี

    ให้แนวคิดคนอ่านแล้วได้กลับไปคิด

    คนที่จิตใจว้าวุ่น อ่านแล้วจะได้สงบ

    บางทีเราก้อรีบจิงแหระ ไม่รู้จะรีบไปไหน

    กำลังทำอันนี้ อะ คิดไปถึงเรื่องโน้นแระ

    อะพอทำเรื่องโน้นใจก้อนึกว่า หลังจากนี้จะทำไรต่อดี

    เลยไม่ได้เต็มที่กับแต่ละอย่างที่ทำ

    จิงๆแล้วเราควรอยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ปัจจุบัน ไม่ใช่ทำสิ่งปัจจุบันอยู่แต่ใจกังวลถึงยังมาไม่ถึง

    อืมมมมมม.....เต็มที่กับสิ่งที่ทำและอยู่กับปัจจุบัน

    ตอบลบ