วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

เมืองไทยที่คิดคำนึง (ต่อ)

ข้าพเจ้าออกเดินทางไขว่คว้าอย่างที่ได้แลเห็นจากหน้าต่างประเทศตนเอง เพราะคิดว่าที่อื่นอย่างน้อยก็ดูดีกว่าประเทศเรา ขณะศึกษาต่อข้าพเจ้ามีความสุขกับแวดล้อมและผู้คนที่รายล้อมข้าพเจ้า และหวังว่าต่อไปข้าพเจ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ให้ได้ สิ่งก่อสร้างทางกายภาพที่พบเห็นนั้นดูชื่นใจกว่าบ้านเรามากเหลือเกิน แต่จะด้วยสันดานเดิมของข้าพเจ้าก็ไม่ทราบได้ ที่มักจะมีแต่ความหวังแต่ขาดซึ่งแรงขับเคลื่อน จึงได้แต่นั่งหวังอยู่บนหิ้ง ซึ่งก็ประยุกต์ได้กับหลายๆ อย่างในชีวิตจริงของตนเอง จึงได้แต่กำตดกลับบ้านเกิด แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏให้ข้าพเจ้าเริ่มตระหนักและสังเกตเห็นยามเมื่อมีกิจธุระต้องเดินทางขึ้นเมืองหลวง คนบ้านเรามันต่างกับคนเมืองนั้นที่ข้าพเจ้าศึกษาต่อนะ

อาชีพการงานที่ได้เคยวิ่งชนนั้น ด้วยลักษณะงานที่ต้องเจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้ได้ยินบ่อยเหลือเกินว่านิสัยคนไทยนั้นเยี่ยมยอดกระเทียมเจียว มีความอ่อนน้อมในระดับที่มากกว่าประเทศอื่น มีบริการที่เป็นเลิศ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็รับเอาความเป็นไทยมาไม่น้อยแต่ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย ลักษณะนิสัยของข้าพเจ้านั้นบ่งบอกความเป็นไทยอยู่ไม่น้อย จนนักท่องเที่ยวมอร็อกโคที่ข้าพเจ้าเคยพาเที่ยวนั้นบอกข้าพเจ้าว่าฉันเคยไปเที่ยวเมืองไทยมา คนไทยเป็นคนน่ารัก มีมิตรไมตรี ช่วยเหลือผู้อื่น และเธอก็คือหนึ่งในผลผลิตที่ฉันกล่าวมา

หลายต่อหลายกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชมประชากรปรเทศนี้เมืองนี้ให้ข้าพเจ้าฟัง ซึ่งข้าพเจ้าก็ประจักได้เองในหนหลังเพราะเมื่อเทียบกับชนชาติอื่นที่ข้าพเจ้าเคยคลุกคลีในช่วงเวลา ๓-๔ ปีนั้นจะหาความอ่อนน้อมเช่นนี้ได้ยากมาก ข้าพเจ้ามิได้ชมเพื่อให้ตนเองรู้สึกดีเพราะเป็นคนถือสัญชาตินี้ แต่เพราะข้าพเจ้าเคยไม่ชอบความเป็นคนชาตินี้มาก่อน เมื่อเวลาล่วงไปเราได้พบเจอผู้คนมากมายหากนำมาเปรียบเทียบกันเราก็พบว่านิสัยเช่นนี้เองที่เป็นแรงดูดผู้คน

การรักษาตนจากภายในเช่นที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น หากแม้นสามารถยืนตนอยู่ในแวดล้อมทางกายภาพที่ชื่นตาสบายใจ แต่กลับต้องพบเจอผู้คนที่แห้งแล้งทางจิตใจนั่นย่อมเป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ดังนั้นการดำรงตนอยู่ในเมืองหลวงอุดอู้ ห่มคลุมเช่นนี้ แต่อย่างน้อยก็น่าชื่นใจอยู่อย่างนึงว่า เราจะได้พบเจอผู้คนส่วนมากที่ยินดีจะหยิบยื่นมิตรไมตรีให้ในทุกๆ ที่

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นการหยิบเอาความเป็นส่วนใหญ่ของประเทศมาพูดคุย ดังนั้นหากจะพูดว่าประเทศอื่นนั้นแห้งแล้งน้ำใจเสียทั้งหมดย่อมเป็นตรรกะที่ไม่สมเหตุสมผลแน่นอน และเช่นเดียวกันหากจะนำกฏนั้นมาใช้ว่าคนไทยทุกคนจะเป็นเช่นที่ข้าพเจ้ากล่าวมาย่อมผิดถนัด













salindongbayu

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น