วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประกันสุขภาพ ณ ไทยแลนด์

สวัสดีเช้าจันทร์วันทำงาน


ตั้งแต่จัดคอร์สอบรมเกี่ยวกับ Hospital Management ก็ได้ทราบข้อมูลหลายๆ อย่างจากที่แต่ก่อนไม่อยากจะสนใจมันเรย และตั้งแต่ท่านผู้ทรงเกียรติในสภาขึ้นเงินเดือนให้ตนเองอย่างไร้ยางอายสิ้นดี ข้าพเจ้าก็ชังนายอภิสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว


โดยภาพรวมระบบประกันสุขภาพในไทยแลนด์แดนสมายล์แยกออกเป็นดังนี้
1. บัตรทอง (ประชนที่ไม่มีงานทำเป็นกิจจะลักษณะ, หรือไม่มีรายได้)
2. ประกันสังคม (ประชาชนที่มีงานและเงินเดือน) ซึ่งตูก็อยู่ในประเภทนี้
3. ข้าราชการ
4. ส.ส
5. ส.ว


ข้าพเจ้านั่งบ่นหรือแลกเปลี่ยนความคิดกับพี่ที่ทำงานว่า ทำไมรัฐไม่จ่ายให้คนที่มีงานทำ (ประกันสังคม) เช่นเดียวกันกับเพื่อนร่วมประเทศที่ใช้บัตรทอง ทั้งที่คนที่เข้าข่ายประกันสังคมเสียภาษีเงินได้ ภาษี 7 เปอร์เซ็นที่ซื้อข้าวซื้อของในประเทศอีก แต่กลับต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพอีกเหรอ แล้วคนที่ไม่เสียภาษีเงินได้ แต่รัฐกลับแจกบัตรทองเสียนิ (ก็ใช่ความจริงที่ว่าประกันสังคมสามารถเลือกโรงพยาบาลที่จะไปรับการรักษาได้ แต่บัตรทองไม่มีสิทธินั้น) แต่นั่นก็ใช่ว่าการได้รับบริการจะต่างการมาก ซึ่งวงเงินที่รัฐระบุ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าประกันสังคมมีสิทธิอะไรบ้าง จะไปโรงพยาบาลไหนๆ ก็ไม่ต่างกันมากหรอก


มิหนำซ้ำไม่กี่วันต่อมาเผอิญได้อ่านหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 16/12/2553 เรื่องประกันสังคมที่เหลื่อมล้ำ อ่านแล้วให้อยากจะสาปแช่งกระทรวงการคลังและรัฐบาลวันละร้อยหน เลือกที่จะเข้ามาทำงานแต่ไฉนเลยถึงได้เอารัดเอาเปรียบผู้คนอย่างไม่กลัวบาปกรรม ทั้งข้าราชการผู้ชงเรื่องเอง จึงขอคัดลอกเนื้อความจากหนังสือพิมพ์ให้อ่านกันเล็กน้อย  


"แม้ว่า ครม. เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา จะตีกลับร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ (การรักษาพยาบาล) ของ ส.ส และ ส.ว กลับไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวน เม็ดเงินและความเป็นไปได้ แต่เมื่อดูอัตราการให้ประกันสุขภาพ ส.ส และ ส.ว ทั้งในปัจจุบัน และที่จะขอเพิ่มในอนาคตแล้ว ถึงกระทรวงการคลังจะปรับปรุงอย่างไร มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในระบบรักษาพยาบาลระหว่างชาวบ้านกันนักการเมืองอย่างชัดเจน..."


และที่น่าเจ็บใจปรากฏว่าค่าใช้จ่ายที่รัฐจ่ายต่อปีให้คนที่จ่ายประกันสังคมน้อยกว่าระบบประกันสุขภาพทุกประเภท ส.ส 50000, ส.ว 20000, ข้าราชการ 10000-12000, บัตรทอง 2202, ประกันสังคม 1938 เห็นตัวเลขมันน่าเจ็บใจไหมเ่ล่า ตัวเลขสูงกว่าชาวบ้านช่องถึงขนาดนั้น กระทรวงการคลังจะส่งเรื่องขอเพิ่มให้ ส.ส และ ส.ว อีก พระเจ้าช่วยกล้วยน้ำว้า อะไรมันจะขนาดนั้นกัน


ข้าพเจ้าบ่นเสร็จรุ่นพี่ผู้นั้นหันมาตอบข้าพเจ้าว่า "ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสิรฐ" ข้าพเจ้าก็เงียบสิ จะเอาอะไรไปบ่นได้อีก จริงของพี่ครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. Hu Hu Hu....นี่แหละไทยแลนด์

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2554 เวลา 20:27

    พวก ส.ส. ส.ว. มันเสี่ยงจะโดนหามเข้าโรงพยาบาลเยอะมั้ง

    ตอบลบ