พาล์มเม่อร์ยังเล่าต่อว่า
ฤดูหนาว
หากเปรียบฤดูใบไม้ร่วงเป็นการเสื่อมถอยของชีวิต ฤดูหนาวก็คือความตายที่นิ่งสนิท ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ยากลำบาก และมีไม่กี่คนที่จะชื่นชมระเบียบแบบแผนของมัน เป็นฤดูที่เราได้เห็นชัยชนะสูงสุดของพญามัจจุราช มีเพียงไม่กี่ชีวิตที่ยังเคลื่อนไหว เราไม่เห็นการเติบโตของต้นไม้ ธรรมชาติดูเหมือนจะเป็นศัตรูของเรา กระนั้นความเข้มงวดของฤดูหนาวก็มีของขวัญให้กับเราเช่นเดียวกับที่ฤดูใบไม้ร่วงมอบให้
ของขวัญอย่างหนึ่งคือ ความสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากความสวยงามของฤูดใบไม้ร่วง แต่ก็น่าพิสมัยเฉกเช่นกัน ผมไม่แน่ใจว่ามีภาพใดบนโลกนี้ที่จะงดงามไปกว่าภาพท้องฟ้าที่โน้มลงมาบรรจบผืนหิมะ ของขวัญอีกอย่างหนึ่งคือ ฤดูหนาวบอกให้เรารู้ว่าการหยุดพักเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกชีวิต ถึงแม้จากภายนอกจะดูเหมือนว่าไร้ซึ่งชีวิต แต่ธรรมชาติก็ไม้ได้หยุดการเคลื่อนไหวที่ใต้พื้นดินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งเพื่อเตรียมรับฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง ฤดูหนาวคือเวลาที่เราได้รับการชี้นำและน้อมรับการเปลี่ยนแปลงนี้สำหรับตัวเองด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับผมแล้ว ฤดูหนาวยังมีของขวัญให้มากไปกว่านั้น ในเวลาที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดแรงกล้า ต้นไม้ทิ้งใบจนเหลือแต่กิ่งก้าน และหิมะแรกกำลังจะมาถึง มันคือความกระจ่ายชัด ในฤดูหนาว เราสามารถเดินในป่าซึ่งเคยหนาทึบในฤดูร้อน มองเห็นต้นไม้แต่ละต้นได้อย่างชัดเจน และมองเห็นผืนดินที่พวกมันหยั่งรากลง
พ่อของผมเสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่ปีทีผ่านมา พ่อเป็นคนดียิ่งกว่าใครๆ ที่ผมรู้จัก ช่วงเวลาสองสามเดือนหลังการเสียชีวิตของพ่อเป็นเหมือนฤดูหนาวอันยาวนานสำหรับผม แต่ในส่วนลึกของความหนาวเย็นและความสูญเสีย ผมเกิดความกระจ่างในบางเรื่องซึ่งไม่เคยตระหนักในเวลาที่พ่อยังมีชีวิต ผมมองเห็นบางอย่างที่ความรักอันล้นเหลือของพ่อได้บดบังไว้ ได้มองเห็นว่าพ่อเป็นที่พึ่งของผมมากมายเพียงใด ในเวลาที่ผมถูกความทุกข์กระหน่ำ ผมอาศัยพ่อเป็นเสมือนเบาะรองรับแรงกระแทกจากความทุุกข์นั้นเมื่อพ่อจากไป ความคิดแรกของผมคือ "เวลานี้ผมต้องรับมือกับมันได้ด้วยตัวเอง" แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมได้มองเห็นความจริงที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้น ผู้ที่รับแรงกระแทกจากความทุกข์ของผมไม่ใช่ตัวพ่อ แต่เป็นความรักอันยิ่งใหญ่ต่างหากที่พ่อสอนให้ผมพึ่งพิง
ในเวลาที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ผมสับสนระหว่างคำสอนกับครู ครูของผมจากไปแล้ว ที่ยังเหลืออยู่คือความรักอันยิ่งใหญ่ และความกระจ่างชัดต่อความจริงนี้ทำให้คำสอนของครูยังคงอยู่ในตัวผม ฤดูหนาวทำให้ภูมิประเทศโล่งมองเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะโหดร้ายเพียงใด ฤดูหนาวเป็นโอกาสให้เรามองเห็นความจริงเกี่ยวกับตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และมองเห็นพื้นดินที่ชีวิตเราดำรงอยู่ได้อย่างแจ่มชัด
ฤดูหนาวภายในใจเรามีหลายรูปแบบ ทั้งความล้มเหลว การถูกหักหลัง ภาวะซึมเศร้า และการจากไปของผู้ที่เรารัก แต่ในทุกรูปแบบนั้น ประสบการณ์สอนผมว่ามันให้คำแนะนำที่เหมือนๆ กันคือ "ฤดูหนาวจะทำให้คุณเสียสติจนกว่าคุณจะผ่านพ้นด้วยการเผชิญหน้ากับมัน" ความกลังจะยังมีพลังครอบงำเราจนกว่าเราจะก้าวเดินอย่างกล้าหาญสู่ความกลัวในเรื่องต่างๆ ที่เราอยากจะหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเราเดินเข้าหามันอย่างตรงไปตรงมา โดยป้องกันการถูกหิมะกัดด้วยมืออันอบอุ่นของกัลยาณมิตร ด้วยการฝึกฝนตนหรือด้วยคำชี้แนะทางจิตวิญญาน เราจะสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ความกลัวเหล่านั้นกำลังสอนเราอยู่ และจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พบว่า เราสามารถวางใจในวัฏจักรของฤดูกาล ชีวิตยังดำรงอยู่และดำเนินต่อไป แม้ในฤดูกาลที่ยากลำบากเพียงใดก็ตาม
ฤดูใบไม้ผลิ....จะตามมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น