วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บันทึกไทยปี ๒๕๕๓ / 2010

๑๖.๕.๒๐๑๐
พีเอ็มคอนโดทาว์น

วันนี้เหตุการณ์ปะทะกันที่ราชประสงค์และบริเวณโดยรอบยังไม่สงบและดูทีท่าจะรุนแรงอยู่เรื่อยๆ 

เชื่อว่าประชาชนคนไทยหลายหมู่เหล่าคงสับสนเบื่อหน่ายและท้อแท้ ด้วยการมองไม่ออกว่าประเทศตนจะเดินไปข้างหน้าในทิศทางใด หรือจะเดินวนอยู่กับที่ ซึ่งก็หมายถึงความล้าหลังและหายนะนั่นเอง เพราะการไม่เคลื่อนไปไหนในขณะที่สิ่งรอบข้างเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา นั่นมิใช่ว่าเรากำเดินถอยหลังหรอกหรือ การจะโทษฝ่ายใดหรือส่งเสริมอีกฝ่ายในเวลานี้ดูจะไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะประเทศเราได้กลายที่พำนักหลักแหล่งของความไม่แน่นอน ความตึงเครียด และความอลหม่าน ในสายตาชาวโลก หรืออาจจะเป็นสายตาคนไทยประเทศนี้ด้วยซ้ำไป แม้ว่าคนไทยกลุ่มใหญ่จะพำนักอยู่รอบนอกสถานการณ์และยังคงใช้ชีวิตปกติสุขดี โดยพยายามติดตามข่าวสารตามช่องทางต่างๆ มากมายในทุกวันนี้ แต่ใจนั้นคงเหนื่อยอ่อนกับการติดตามเข่าวสารที่มิได้นำพาข่าวดีมาให้รื่นหูแม้แต่น้อย

บางครั้งก็ถามตนเองว่าทำไมข้าพเจ้าต้อง (มักจะ) นำพาความรู้สึกตนเองไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบกายหรือเข้ามาในเส้นทางชีวิตอันมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อชีวิตข้าพเจ้าโดยตรงด้วย เพราะเห็นได้ชัดว่าของพวกนี้มิได้ยังประโยชน์แก่ความรู้สึกข้าพเจ้าเลย มิหนำซ้ำยังสร้างความรันทดใจให้มากมาย แต่มันก็เหมือนขนมหวานที่พยายามบอกกับตนเองว่าจะไม่ทานอีกแล้ว แต่เห็นก็ต้องรีบตะครุบทุกทีไป เหตุการณ์พวกนี้ก็เช่นกัน บอกกับตนเองว่าไม่อยากรับรู้ไม่อยากรู้เห็นแต่เมื่อมันอยู่แค่ปลายจมูกเพียงบรรจงปลายนิ้วมันก็ออกมาล้นทะลักอยู่หน้าจอ

ตามวิสัยความเป็นไปของสรรพสิ่งในแนวครรลองของพระองค์ท่าน ทุกสิ่งมีขึ้นมีลง เฉกเช่นน้ำมีขึ้นย่อมมีลง วงล้อเมื่อมันหมุนตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด มันก็ถึงเวลาที่มันจะต้องเคลื่อนคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดต่ำสุดมันก็หมุนตัวเองกลับไปที่สูงอีกรอบ อาณาจักและจักรวรรดิ์ก็ไม่แตกต่าง มีอาณาจักที่ล่มสลายไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ให้ถามผู้คนในยุคนั้นว่าเชื่อหรือไม่ว่าอาณาจักของตัวนั้นจะมลายหายจากแผนที่โลก คำตอบที่ได้รับคงเป็นแต่เสียงหัวเราะขบขัน อาณาจักที่ข้าอาศัยอยู่นี้แข็งแกร่ง พื้นที่ขอบเขตขันฑสีมาก็กว้างใหญ่ไพศาล กิจการรุ่งเรื่อง อยู่ดีกินดี แต่ไฉนเลยเราได้ถึงยินเพียงแต่ชื่อของอาณาจักอันดาลูเซีย จักรวรรดิ์ออโตมาน หรือแม้แต่สหภาพโซเวียต 

เมืองไทยในช่วงที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องเดือดร้อนจากการรุกรานของชาติตะวันตก แม้ไทยจะต้องเสียดินแดนไปบ้างแต่ก็สืบทอดและครองความเป็นไทยมาได้ตลอดรอดฝั่ง ความเจริญรุ่งเรืองขยับขยายไม่น้อยหน้าหรืออาจจะมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันเสียด้วยซ้ำ ในขณะนั้นคนอื่นต้องพลิกฟื้นประเทศขึ้นมาใหม่ พยายามอย่างมากที่จะรวมเอาประเทศที่พินาศย่อยยับกลับมาเป็นปึกแผ่น แต่ไทยในขณะนั้นได้ยืนอยู่บนแผ่นดินประเทศตนที่ยังไม่ต้องลงมือลงแรงกันขนาดนั้น จึงเป็นข้อได้เปรียบที่จะก้าวยาวกว่าเพื่อนคนอื่นๆ อันจะเห็นความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจที่ล้ำหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน แน่นอนว่าในยุคนั้นคงจะไม่ใช่จุดสุดยอดของความเป็นสยามหากเทียบกับความรุ่งเรืองและแผ่ขยายของความเป็นอยุธยาและจักรรีในช่วงต้นๆ ที่สามารถยึดครองประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งดินแดนลังกาสุกะ

แต่นั่นก็ผ่านมานานมาก มาวันนี้เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยได้ร่นถอยหลังไปมากหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านประเทศเดิม ล้าหลังทางความคิด การศึกษา และความซื่อสัตย์ ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างที่สุดว่าจากจุดตกต่ำที่กำลังดำเนินอยู่ แม้จะทุกข์ใจที่ได้เห็น จะเป็นหมุดอันใหม่ที่จะปักลงเพื่อนับถอยหลังสู่การเคลื่อนตัวของตัวหมุนครรลองของพระองค์ให้ประเทศเราขึ้นสู่ที่สูงอีกครั้ง


ต่อไปนี้เป็นบทคัดลอกจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๑๕๕๓



พี่น้อง-ประชาชนครับ ท่านจะทุกข์ จะหวาดกลัว จะท้อแท้-สิ้นหวัง ในภาวะคล้าย "บ้านแตก-สาแหรกขาด" นี้ก็ตามเถิด แต่ขอให้ "มีสติ" ในการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง  และขอให้มั่นใจว่า พวกเรา-คนไทยทุกคนจะต้องก้าวผ่าน "มิคสัญญี" ร้ายแรงในรอบ ๒๒๘ ปีแห่ง "กรุงรัตนโกสินทร์" นี้ร่วมกันไปได้แน่นอน
 ถึงแม้ ณ กาลนี้ ยอดปราสาทราชวัง และวัดพระแก้วมรกต "ศูนย์รวมใจ" ของไทยเรา จะหม่นเศร้าอยู่ในม่านหมอกแห่งควันดำที่คลุ้มคลุมเมืองไปบ้าง นั่นก็ขอให้เข้าใจเถิดว่า ก่อนฟ้าเปิด "สู่อนาคตใหม่" ที่สดใสของไทยเรา วิบากกรรมที่เราทุกคนร่วมสร้างกันไว้ ณ กาลนี้...เราทั้งหลาย ได้ชดใช้แล้ว!
 เรา จะรับอนาคตใหม่ ก็ต้องจ่ายให้อดีดผ่านปัจจุบันนี้ไปบ้างเป็นธรรมดา อย่าเอาแต่โทษใคร อย่าทุกข์ทนหม่นเศร้ากันไปเลย ตู่เอ๋ย ณัฐวุฒิเอ๋ย และทุกคนในแกนนำ นปช.ไม่มีใครผิด-ใครถูกหรอก เพียงแต่สิ่งที่ทำนั้น ฝืนมติฟ้า-ดิน หยามหมิ่นแผ่นดินบรรพบุรุษสร้าง และสวนทางใจแห่งมหาประชาชนไทย............


 http://www.thaipost.net/news/170510/22290

7 ความคิดเห็น:

  1. เฮ้อ.....เห็นข่าวแล้ว เหนื่อยใจ

    และ เบื่อกับการกระทำนี้เหลือเกิน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2553 เวลา 10:26

    นาเขียนเรื่องการตั้งจิตแล้วนะ ลงไว้ก่อนบทความนี้

    ตอบลบ
  3. จ้า....เด่ว ว่างๆ แล้วจะแวะไป(ตั้งใจ)อ่านน่ะ

    และจะลองเค้นภูมิตัวเอง ลองเม้นดูน่ะ

    .......................

    ...keep writing na...su su _^_

    ตอบลบ
  4. Emm..ไม่เห็นลงบทความใหม่เลย

    อืม ไม่มีเวลาเขียน งานยุ่งละซิ

    ตอบลบ
  5. เฮ่อ...(โทษน่ะ..จิงๆ ไม่ดีเลยที่อุทานคำนี้ออกมา)

    แต่อยากให้รู้ว่า เบื่อ .....จัง......

    ไม่มีไรทำ ไม่มีบทความให้อ่าน ...เบื่อ..บวกกับเหงาอีกนิดหน่อย เลยไปกันใหญ่เลย

    ...ว่าง ไม่มีไรให้ทำเลย เคลียงานทุกอย่างหมดแระ...นี่ week day น่ะเนี่ย ไม่ใช่ weekend ซะหน่อย ยังเบื่อเลย

    บางทีชีวิต ยุ่งๆ รู้สึกดีกว่า ชีวิตที่เงียบเหงา

    ชีวิตยุ่งๆ ยังรู้สึกว่าเรามีอะไรให้ทำ และดูชีวิตมีค่าจัง

    ส่วน...ชีวิตที่เงียบเหงาไม่มีเรื่องให้เราคิดให้ทำ ให้วุ่นวายใจนี้ รู้สึกว่าชีวิตช่างไร้ค่า..

    ถ้าให้เลือก ขอเลือกชีวิตที่ยุ่ง มีเรื่องให้คิด มีสิ่งให้ทำ

    ขอทำงานแบบไม่มี weekend เป็นไปได้ไหม

    ....555 ไม่ปกติแล้วเรา คนอื่นเขาอยากมีวันหยุดหลายๆวัน แต่เรากลับอยากทำงานแบบไม่มีวันหยุด ...ต๊องชัวร์..

    ตอบลบ
  6. ก็ไม่เห็นเป็นรัย มีรัยก็เข้ามาบอกได้เลย แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลานะ งานเข้า บวกกับช่วงนี้สภาพจิตใจไม่ปกติ เลยไม่มีอารมณ์จะเขียนอะ ความคิดเตลิดพุ้งซ่านสุดๆ

    ตอบลบ
  7. หรอ.....มีไรอะไรที่ทำให้ใจไม่ปกติละ
    ถ้าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปและไม่อยากเก็บไว้คนเดียว
    หรือต้องการคนรับฟัง ก้อเล่าสู่กันฟังได้นะ ยินดีรับฟัง
    บางทีอาจจะช่วยให้รู้สึกดี บ้าง ไม่มากก้อน้อย.

    ตอบลบ